สิ่งที่ควรรู้
เรื่องฉีดเพื่อเสริม
อาจจะเป็นความรู้สึกที่ดี
ถ้าวันหนึ่งเราสามารถทำการตกแต่งเสริมสร้างส่วนที่ขาดหายได้โดยหลีกเลี่ยงการทำผ่าตัด
เพราะหลายคนมีความรู้สึกว่าการผ่าตัดเป็นเรื่องใหญ่โตและน่ากลัว
ถึงแม้การผ่าตัดพัฒนาก้าวหน้าไป ทั้งการผ่าตัดที่ให้ผลดี
โดยสามารถลดความเจ็บปวด ลดความบอบช้ำ เพื่อความสะดวกและปลอดภัยขึ้นแล้วก็ตาม
การนำเอาสารต่างๆมาใช้หรือ
นำมาดัดแปลงประยุกต์ใช้ในการฉีดเสริม เพื่อความสวยงาม ยังพบได้มากมายตามท้องตลาด
ทั้งที่ทำโดยแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านใดก็ตาม
หรือบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ก็ตาม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการฉีดสารเหล่านี้ทำได้ง่ายกว่าการทำผ่าตัดมาก
เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยสูงสุดสำหรับตัวผู้บริโภค ควรจะหาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะเลือกใช้สารใดๆก็ตามฉีดหรือใส่เข้าในร่างกาย
คุณรู้จักสารดังกล่าวดีแค่ไหน?
หัวข้อที่คุณจะต้องให้ความสนใจที่จะรู้
ถ้าคิดจะฉีด คือ
-
สารนั้นที่เป็นที่ยอมรับทางการแพทย์หรือไม่ คือ มีการใช้กันมานานหลายสิบปี
จนทราบได้ถึงข้อดีและข้อเสียที่ชัดเจน ที่อาจเกิดในระยะสั้น
และ ยาว ทั้งหมด และยอมรับได้
-
องค์การอาหารและยาของประเทศที่ผลิต และ ของประเทศไทย หรือ
ของอเมริกา(เข้มงวดมาก)ให้การยอมรับหรือไม่ การให้การยอมรับ
หมายถึง เมื่อทางองค์การอาหารและยาได้ตรวจสอบว่า มีคุณสมบัติตรงตามที่ใช้
และ ความน่าเชื่อถือว่าได้ผลจริง และที่สำคัญคือความปลอดภัยเพียงพอ
โดยต้องมีหลักฐานข้อมูลในเรื่องเหล่านี้พร้อมชัดเจน แล้ว
จึงยอมรับให้ใช้ได้ แต่หากเกิดปัญหาต่างๆ สามารถร้องเรียนเพื่อแจ้งให้ทาง
อย. ตรวจสอบซ้ำได้
-
หากเป็นสารชนิดใหม่ ต้องสนใจว่า สารนั้น ยังอยู่ในขั้นทดลองใช้ระยะสั้น
( น้อยกว่า 5 ปี ) หรือผ่านการศึกษาผลมาเป็นระยะยาวแล้ว
ว่ามีปัญหาใดบ้าง เพราะเคยมีสารบางอย่าง เช่น ซิลิโคนเหลว
ตอนแรกมีแพทย์นิยมใช้กันมากมายเพราะได้ผลดี แต่ต่อมาในระยะยาว
จึงพบว่ามีปัญหามาก ถึงจะมาห้ามไม่ให้ใช้ แต่ก็มีผู้ที่ฉีดไปมากแล้ว
-
การที่สารชนิดนั้นเป็นที่ยอมรับในการฉีดแก้ไขปัญหาประเภทใดบ้าง
และใช้ฉีดส่วนใด เพราะการที่ใช้ในปัญหาแบบหนึ่ง หรือ อวัยวะหนึ่งได้
ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นที่ยอมรับว่าจะได้ผลดี หรือปลอดภัยเสมอ
เมื่อนำมาใช้ในอีกด้านหนึ่ง เช่นใช้ฉีดรอยแผลเป็นที่รอยบุบให้เต็มได้ผลดี
ก็ไม่ใช่ว่าจะฉีดเสริมจมูกให้โด่งได้ผลดี
-
สารที่ฉีดเข้าไปในร่างกาย และมีผลต่อเนื้อและร่างกายของเราอย่างไร?
เป็นเรื่องที่ต้องรู้ก่อนใช้ รวมถึงวิธีที่จะแก้ไข ถ้าหากต้องการเอาออก
การฉีดสารสังเคราะห์เข้าร่างกายจะเสริมให้นูนได้อย่างไร?
ฉีดสารเข้าไปในเนื้อ เพื่อให้สารเหล่านั้นแทรกค้างอยู่ในเนื้อ
เพื่อเป็นการเสริมให้เนื้อส่วนนั้นเพิ่มมากขึ้น
ปัญหาที่เกิดขึ้น
- สารที่ฉีดเป็นสารที่ไม่บอกว่าเป็นสารใด
ส่วนใหญ่เป็นสารที่ไม่สมควรฉีดเข้าในร่างกาย ซึ่งจะมีการตั้งชื่อแปลกๆและมีหลากหลายชื่อตามแต่จะตั้งเช่น
ไขมันปลาวาฬ ไขมันเทียม และมักจะไม่ใช่แพทย์เป็นผู้ฉีด
ซิลิโคนเหลว
( Liquid Silicone ) ซึ่งไม่แนะนำให้ใช้ฉีดเพื่อเสริมส่วนต่างๆของใบหน้า
เพราะ
- ซิลิโคนเหลว จะไม่สลายแต่อาจมีการเคลื่อนจากบริเวณที่ฉีดไปส่วนอื่นได้แม้เวลาผ่านไปนานแล้วก็ตาม
เช่นฉีดที่แก้มก็สามารถไหลตามแรงดึงดูดของโลกมาเป็นก้อนที่มุมปากหรือคาง
ถ้าบวมและมีอาการปวด แดง ถือว่ามีความผิดปกติคือเกิดการอักเสบ
เกิดขึ้น
- จะแทรกปนเข้าในเนื้อเยื่อ ถ้าหากส่วนที่ฉีดมีการผิดรูป
หรือ เคลื่อนไปอยู่ผิดตำแหน่ง การแก้ไขต้องตัดเนื้อส่วนนั้นออกและไม่สามารถเอาออกได้หมด
- อย.ไทย รวมถึงของประเทศอื่นๆ ไม่ได้รับรองซิลิโคนเหลวให้ฉีดใต้ผิวหนัง
พาราฟีน ( Paraffin
) คือ สารคล้ายขี้ผึ้งสกัดจากน้ำมันดิบ ทางการแพทย์จะใช้ภายนอกร่างกายเท่านั้น
ผลเสียเหมือนซิลิโคนเหลวแต่ผลเสียรุนแรงกว่า ผิวหนังจะแข็ง
นูน และอาจแตกทะลุออกมาได้
น้ำมันมะกอก
( Vegetable Oil ) ผลเสียเช่นเดียวกับ พาราฟีน
- สารที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ระยะยาว
บางประเทศยอมให้ใช้ บางประเทศที่เข้มงวด หรือยังไม่มั่นใจไม่ยอมให้ใช้
ส่วน อย.(องค์การอาหารและยา)ของไทยยังไม่ยอมให้ใช้
เดอร์มาไลฟ ์
( Dermalive ) เป็นสารสังเคราะห์ ชนิดหนึ่งของ อะครีลิค
คือ Arylic Hydrogel ผสมกับ Hyaluronic acid ซึ่งเป็นน้ำ
ขนาดที่ใช้ 0.8 ซีซี ดังนั้นไม่มีการนำมาใช้ฉีดให้หน้าอิ่มเพราะต้องใช้จำนวนมาก
ใช้ฉีดรอยร่องเล็กๆ หรือเสริมเล็กน้อย หลังฉีด อะครีลิคเจลยังอยู่ในเนื้อเยื่อร่างกาย
แต่ ส่วนที่เป็นน้ำจะสลายตัวไปใน 1- 2 สัปดาห์ ทำให้ผลสุดท้ายยุบลงจากเดิมเล็กน้อย
การแก้ไขหรือต้องการเอาออก ไม่สามารถทำได้ เดอร์มาไลฟ์ยังไม่ได้รับการยอมรับให้ใช้จาก
อย.ทั้งของอเมริกา และ ไทย
แอคติคอล ( Artecoll
) เป็นสารสังเคราะห์ชนิดหนึ่งของ อะครีลิค คือ PMMA
(Polymethyl-metacrylate) ทำเป็นผง ผสมปนกับ คอลลาเจน (
Collagen ) ขนาดที่ใช้ 0.5 ซีซี และ 1 ซีซี ดังนั้นไม่มีการนำมาใช้ฉีดให้หน้าอิ่มเพราะต้องใช้จำนวนมาก
ใช้ฉีดรอยยุบ หรือร่องเล็กๆ หรือเสริมเล็กน้อย หลังฉีด ผงอะครีลิคยังอยู่ในร่างกาย
แต่ คอลลาเจนจะสลายตัว ทำให้ผลสุดท้ายยุบลงจากเดิมบ้าง มีการแพ้ได้
ต้องทำการทดสอบว่าแพ้หรือไม่ก่อนฉีด การแก้ไขหรือต้องการเอาออก
ไม่สามารถทำได้ แอคติคอลยังไม่ได้รับการยอมรับให้ใช้จาก
อย.ทั้งของอเมริกา และ ไทย
ไบโอพลาสติค
( Bioplastique ) เป็นสารสังเคราะห์ ซิลิโคน ( Silicone
) ทำให้เป็นผง ผสมในน้ำยาที่เป็นเจลสังเคราะห์ PVP (Polyvinylpyrrolidone)
ขนาดที่ใช้ 1 ซีซี ดังนั้นไม่มีการนำมาใช้ฉีดให้หน้าอิ่มเพราะต้องใช้จำนวนมาก
ใช้ฉีดรอยร่องเล็กๆ
หรือเสริมเล็กน้อย หลังฉีด ผงซิลิโคนยังอยู่ในเนื้อเยื่อร่างกาย
แต่ ส่วนที่เป็นเจลจะสลายตัวไปใน 1- 2 สัปดาห์ ทำให้ผลสุดท้ายยุบลงจากเดิมเล็กน้อย
การแก้ไขหรือต้องการเอาออก ไม่สามารถทำได้ ไบโอพลาสติคยังไม่ได้รับการยอมรับให้ใช้จาก
อย.ทั้งของอเมริกา และ ไทย
- สารที่ได้รับการยอมรับ
แต่ใช้ไม่ถูกต้อง หรือเหมาะสมเช่น
คอลลาเจน ( Collagen
)
ส่วนใหญ่ใช้กับรอยยุบ หรือ รอยร่องเล็กๆ เพราะขนาดบรรจุเพียง
1 cc. ดังนั้นไม่มีการนำมาใช้ฉีดให้หน้าอิ่มเพราะต้องใช้จำนวนมาก
ความปลอดภัยนั้น มีพอสมควร แต่ปัญหาที่อาจพบได้ คืออาการแพ้สาร
คอลลาเจน เนื่องจากคอลลาเจนที่ใช้สกัดมาจากสัตว์ ทำให้แพ้ได้ในบางคน
จำเป็นต้องฉีดทดลองดูก่อนว่าแพ้หรือไม่ มีได้ 2 % ก่อนจะใช้จริงทุกราย
นอกจากนี้คอลลาเจนที่ฉีดเข้าไป ผลไม่ถาวร จะมีการสลายตัวจนหมดใน
3 - 6 เดือน ทำให้ต้องฉีดซ้ำตลอดทุก 3-6 เดือน และยังมีราคาแพงมาก
คอลลาเจนได้รับการยอมรับให้ใช้ได้ จาก อย.ของอเมริกา ส่วนของไทยยังไม่ได้ให้การยอมรับ
การฉีดเพื่อเสริมช่วยได้แค่ไหน?
แก้ไขได้อย่างไร ?
- มีข้อจำกัดในการกำหนดรูปทรง
เพราะการฉีดสารลักษณะเป็นของเหลวเข้าใต้ผิวเพื่อให้เป็นรูปร่าง
สารที่ฉีดจะกระจายไม่สม่ำเสมอ ควบคุมได้ไม่ละเอียด (เปรียบเทียบได้กับการที่เอาหมูเนื้อแดง
มาแล้วฉีดน้ำเข้าไปให้สูงต่ำเป็นรูป จมูกหรือคาง) ต่างกับการใช้วัสดุที่เป็นของแข็งที่สามารถตัดแต่งควบคุมรูปร่างได้ตามต้องการ
- สารที่ฉีดจะปนแทรกกับเนื้อปกติของร่างกาย
การ ผ่าตัด เอาออกทำได้ยากมาก และบางครั้งถึงกับไม่สามารถเอาออกได้
และที่แน่นอนคือเอาออกได้ไม่หมด เพราะเวลาฉีดมีทั้งฉีดตื้นและลึก
ส่วนลึกแม้สารจะแทรกในเนื้อเยื่อก็พอจะเอาออกได้ โดยตัดทั้งเนื้อปกติที่มีสารที่ฉีดแทรกอยู่ออกไปด้วยกัน
แต่ส่วนตื้นแทรกใกล้ผิวหนัง ถ้าตัดออกมากผิวหนังมีโอกาสตายสูง
เรื่องจริงที่ควรทราบเกี่ยวกับการฉีดเพื่อเสริม
ยังไม่มีสารสังเคราะห์ชนิดใดที่ใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนังเพื่อเสริมเนื้อเยื่อได้รับการรับรองยอมรับจาก
อ.ย. ของไทย
สรุปความเห็นส่วนตัว
หากหมอคิดจะทำการตกแต่งให้ตัวเองแล้วก็คงจะยังไม่เลือกการฉีดสารต่างๆเพื่อเสริมให้ตัวเองในขณะนี้
ดังนั้นในมุมของการเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งเองก็ยังไม่คิดจะฉีดสารดังกล่าวให้ผู้มารับการทำศัลยกรรมในขณะนี้เช่นกัน
....แล้วคุณละคิดอย่างไร ?